ClickClickClickClickClick

เพลงเพราะๆ

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

พลังงานไฟฟ้าจากแบคทีเรีย


ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันสามารถผลิตแบตเตอรี่จนทำให้มีอายุการ ใช้งานยาวมากและสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีโวลต์สูงเพิ่มขึ้น การใช้แบตเตอรี่หลายชนิดด้วยกันที่พบว่าสามารถนำมาใช้ได้หลายครั้งด้วยการนำ ไปรีชาร์จ (recharging)หรือ เพิ่มกระแสไฟฟ้ากรรมวิธีดังกล่าวนับว่าเป็นการช่วยลดขยะสารเคมีได้อีกทาง หนึ่ง สำหรับแบตเตอรี่ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยแบคทีเรีย ซึ่งกรรมวิธีในการผลิตมีความคล้ายคลึงกับการผลิตก๊าซชีวภาพที่ให้ก๊าซมีเทน (methane)นำไปหุงต้มได้ ในการทำก๊าซชีวภาพเกิดจากการหมักของมูลสัตว์จนทำให้เกิดก๊าชดังกล่าวขึ้น ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราการผลิตก๊าชมีเทนมาใช้ประโยชน์ยังมีน้อยมากและเป็นการ แก้ปัญหาในเรื่องของพลังงานได้อีกหนทางหนึ่ง
ตามปกติตะกอนดินเลนที่ตกตะกอนในท้องน้ำที่อยู่ในสภาพที่ปราศก๊าซออกซิเจน จัดเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีศักยภาพสูงต่อนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงาน ดังเช่นขบวนการเกิดน้ำมันปิโตรเลียมก็เกิดจากขบวนการเดียวกันที่เกิดจากธรรมชาติ สำหรับการศึกษาการผลิตกระแสไฟฟ้าของแบคทีเรียของนักจุลชีวิทยาของมหาวิทยาลัยแมสสาชูเซตต์ (Massachusetts University) มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน (Michigan State University)และสถาบันวิจัยอีก 2-3 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนำแบคทีเรียย่อยกำมะถันในดินโคลนจากท้องทะเล หรือ ตะกอนดินอินทรีย์ ที่มีชื่อว่า Desulfuromonas acetoxidans (Family Geobacteraceae) (Pensiri, 2002) เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีก๊าซออกซิเจนและสามารถลดปริมาณออกไซด์ของเหล็ก (Fe (III) oxides) ที่ไม่ละลายน้ำให้ลดน้อยลง พร้อมๆ กันนั้นยังสามารถช่วยลดปริมาณธาตุกำมะถัน การเกิดกระแสไฟฟ้าของดินตะกอนทะเลในสภาพธรรมชาติเป็นการผลิตกระแสไฟฟ้าจากการแลกอิออนของขั้วลบ ของดินตะกอนกับขั้วบวกของน้ำทะเล ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ประมาณ 0.01 W/m2 ที่เกิดการสร้างขึ้นของแบคทีเรียย่อยกำมะถันชนิดนี้
ในขบวนการสร้างกระแสไฟฟ้าของแบคทีเรียย่อยกำมะถันในน้ำเค็ม : Desulfuromonas acetoxidans เมื่อการเพิ่มสารอะซิเตรต (acetate)ลงไปในดินตะกอนทะเล แบคทีเรียผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มเป็น 0.014 W/ m2 แต่ในกรณีที่นำสารแอนทราควินโน-2, 6-ไดซัลโฟเนต (Anthraquinone-2,6-disulfonate = AQDS) พร้อมทั้งเพิ่มอุณหภูมิที่ 65 องศาเซลเซียส กลับพบว่าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าจากสภาพปกติ ในขณะที่มีการศึกษาถึงแบคทีเรียในวงศ์เดียวกันที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดชื่อ Geobacter sulfurreducens (แบคทีเรียย่อยกำมะถันในน้ำจืด) เป็นแบคทีเรียที่สามารถออกซิเดชั่นสารอะซีเตรตและปล่อยกระแสไฟฟ้าได้เช่นแบคทีเรียย่อยกำมะถันในน้ำเค็ม (Bond, et al., 2002)
พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแบคทีเรียนับว่าเป็นผลผลิตที่ให้พลังงานสะอาดคือ มีก๊าซคาร์ไดออกไซด์(CO2) คาร์บอนโมโนออกไซด์ (CO) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ฯลฯ ซึ่งเจือปนอยู่น้อยกว่าพลังงานที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมัน ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตนั้นเป็นดินโคลนอินทรีย์ที่ได้ท้องทะเลและ ที่สำคัญแบคทีเรียชนิดนี้เป็นชนิดที่ช่วยลดความเป็นพิษของสารโตลูอีน (toluene) และสารละลายอินทรีย์อื่นๆ ที่ถูกทอดทิ้งเป็นสารเคมีขยะที่เป็นพิษต่อสภาพสิ่งแวดล้อม การนำแบคทีเรียในดินชนิดนี้มาทำลายขยะเคมีที่มีพิษดังกล่าวได้ดี ในการผลิตพลังงานทดแทนจากน้ำมันดิบนับเป็นงานวิจัยที่น่าสนใจยิ่งที่นัก วิจัยในสถาบันหลายแห่งดังที่กล่าวข้างต้นกำลังศึกษาอยู่เพื่อหาหลู่ทางต่อ การนำไปพัฒนาและใช้ประโยชน์ต่อไปเอกสารอ้างอิง
Bond, D. R., D. E. Holmes, L. M. tender and D. R. Lovely. 2002. Electrode-reducing microorganisms that harvest energy from marine sediments. 295: 483-485.
Pennisi, E. 2002. Geobacteria: Microbes use mud to make electricity. Science 295: 425-426.

แฟชั่นหน้าฝน เทรนใหม่สไตล์สบาย ๆ




แฟชั่นหน้าฝน เทรนใหม่สไตน์สบาย ๆ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยนะคะ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝนกันแล้ว แต่เทรนด์แฟชั่น ที่ยังครองใจสาวๆและฮิตไม่เลิก นั้นก็คือ แฟชั่นกางเกงขาสั้น ที่ตอนนี้มีดีไซน์หลากหลายหลากสไตล์มา ให้สาวๆทั้งหลายได้เลือกสวมใส่ตามความพอใจกันอย่างเต็มอิ่มกันเลยทีเดียว เนื่องด้วยข้อดีข้อกางเกงขาสั้น ที่ทำให้ผู้สวมใส่ รู้สึกสบายและคล่องตัวยามสวมใส่ หน้าร้อนก็ดูดี หน้าฝนก็ดูเก๋ พร้อมทั้งยังสามารถ Mix & Match กับเสื้อ รองเท้า กระเป๋าเข็มขัด ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ฮือฮา นักบินนาซาฉลองทวิตครบ 100 รอบ ถ่ายรูป"แสงห้วงอวกาศ"มาให้ชาวโลกได้ชม



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ว่า นายดักลาส วีลล็อค ได้ฉลองการทวิตเตอร์ครบ 100 ครั้งของเขา ด้วยการบันทึกภาพแสงในห้วงอากาศ และส่งตรงมายังศูนย์อวกาศนาซา เพื่อให้นำไปโพสต์แพร่ภาพ โดยภาพเหล่านี้ถูกบันทึกที่สถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งอยู่เหนือโลก 240 ไมล์
นายดักลาส ยังได้ส่งข้อความระบุว่า แด่การทวิตครั้งที่ร้อยของบผม แด่ความงดงามทั้งมวลของโลกเรา ผมรู้สึกประหม่าจริงๆ เมื่อผมมีโอกาสได้ดูการเริงระบำของแสงออร่า มันช่างตื่นเต้นยินดีอย่างมาก และว่า ผมหวังว่า มนุษย์จะไม่สูญเสียความรู้สึกสงสัย เพราะนั่นคือมรดกผลักดันให้ชนรุ่นลูกเราเกิดความกระหายที่จะค้นคว้าและสำรวจ
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ นักบินนาซาผู้นี้ ยังได้เคยบันทึกภาพอันตะลึงของเฮอริเคน"เอิร์ล"เมื่อเดือนที่แล้ว และยังทวิตรูปเมืองต่าง ๆ หลายแห่งในยามราตรีด้วย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

เตือนสาวก"บีบี "ระวังอาการนิ้วล็อค-ข้อมืออักเสบ


บีบี (แบล็กเบอร์รี่) มือถือสุดฮิต ซึ่งขณะนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงาน โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สื่อสารด้วยโปรแกรมแช็ตที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้ได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ วัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย ยอมรับว่าติดบีบีเป็นอย่างมาก บางคนต้องสนทนาผ่านตัวอักษรในบีบีทุก 5 นาที โดยการสนทนาในแต่ละครั้งสาวกบีบีต้องอาศัยการอ่านตัวหนังสือที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งมีขนาดเล็ก และยังต้องอาศัยนิ้วกดแป้นตัวอักษรเพื่อสนทนาตอบโต้ ผลจากพฤติกรรมดังกล่าว เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ติดบีบีแล้ว

นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผย "มติชน" เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปัจจุบันมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาข้อมือ รวมทั้งรักษาอาการนิ้วล็อคเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการใช้งานของนิ้วและข้อมือมาก สาเหตุความเสี่ยงของโรคอาจมาจากการพิมพ์งานนาน การทำกับข้าวหั่นหมู หั่นผัก และที่น่าเป็นห่วงมากๆ ในตอนนี้คือ การพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์ ขณะนี้มีคนไข้เข้ามารับการรักษาข้อมือ และนิ้วล็อควันละหลายสิบราย โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน
สาเหตุมีหลายอย่าง แต่ที่น่าห่วงคือ การใช้บีบีเพราะลักษณะการใช้งานของบีบี แป้นพิมพ์จะแคบและมีขนาดเล็กมากๆ ลักษณะการวางมือของผู้ใช้มีความลำบาก เมื่อผู้ใช้พิมพ์บ่อยๆ วันละหลายๆ สิบครั้ง อาจมีผลกระทบตามมาได้ เช่น มีอาการเอ็นข้อมืออักเสบ เวลากระดกนิ้วหัวแม่มือจะเกิดอาการเจ็บ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งมีอาการเพิ่มขึ้น อย่างอาการเกร็งที่นิ้วตรงข้อต่อ ส่งผลให้บริเวณปลายนิ้วมีกระดูกปูดขึ้นมา เพราะมีหินปูนไปจับทำให้รู้สึกเจ็บ ส่วนบริเวณข้อมือ ตรงฝ่ามือจะมีพังผืด ถ้าใช้งานมากจะหนาตัวขึ้นและไปกดทับเส้นประสาททำให้มือชา นิ้วชา ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค บริเวณโคนนิ้วมือจะเจ็บ เวลากำหรือเหยียดจะลำบากในระยะแรก เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้งอและเหยียดไม่ออก

นพ.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า อาการที่เกิดขึ้นกับมือและข้อมือที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากยังใช้งานมากเกินไป ในทุกๆ วันจะเจ็บปวดมากจนถึงขั้นต้องรักษาด้วยการฉีดยา หรือถึงขั้นผ่าตัดในที่สุด ดังนั้น ควรลดการใช้งานของบีบีหากมีอาการเจ็บที่ปลายนิ้วมือตรงข้อต่อแสดงว่าใช้งานมากไป ควรลดลงหรือปรับท่าใช้งาน และป้องกันเบื้องต้นด้วยการยืดเหยียดมืออยู่เสมอ ยืดนิ้วมือ หรือข้อมือ และประสานมือเหยียดออกไป หากมีเวลาให้นำมือแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายบ้างก็เป็นการบรรเทาอาการดังกล่าว
ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพจากการเล่นบีบีในด้านอื่นนั้น นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวถึงอาการติดบีบีที่ส่งผลกระทบต่อสายตาว่า ขณะนี้มีโรค "บีบีวิชั่นซินโดรม" คือ การใช้สายตาเพ่งในสิ่งนั้นๆ นานเกิน 25 นาที จะทำให้ตาเกิดอาการล้า ปวดตา เมื่อยตา เนื่องจากแช็ตตลอดเวลา เพ่งไปที่ตัวหนังสือนานเกินไป ตาจะเริ่มแห้ง โดยเฉพาะแก้วตาดำจะแห้งจนมีอาการแสบ เคือง น้ำตาไหล และปวด อาการเหมือนโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม แต่ยังไม่มีรายงานทางแพทย์ว่าเกิดอันตรายจนถึงขั้นรุนแรง เพียงแค่จะแสบตา ปวดตา เมื่อนอนพักก็หายและควรเว้นระยะห่างหน้าจอกับสายตาในระยะที่มองได้ชัดที่สุด และไม่ควรแช็ตในที่มืดด้วย

นอกจากนี้ การใช้ บีบี ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงกาละเทศะ โดยเฉพาะ การใช้ บีบี ในโรงภาพยนตร์ แม้ว่า จะไม่มีเสียง แต่การที่ใช้บีบี พิมพ์ข้อความในโรงภาพยนต์ แสงสว่าง ได้รบกวนผู้ชมภาพยนตร์คนอื่นๆที่ต้องการชมภาพยนตร์ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแล้ว ดีจี จัดรายการวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 98.5 ผู้หนึ่งเสนอให้ ชะโงกหน้าไปอ่านบทความดังๆ เพราะประท้วง ความไร้มารยาทของผู้ใช้บีบีในโรงภาพยนตร์ ทางด้านกลุ่มผู้เล่นบีบี น.ส.สุพิชญา วงศ์วิทยกำจร อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ใช้บีบีมานานกว่า 2 ปี คุยกับครอบครัว เพื่อน และติดต่องาน อีกทั้งยังใช้เล่นอินเตอร์เน็ต ติดบีบีมาก เพราะสะดวกไม่ต้องโทรศัพท์ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้ด้วยการแช็ต จะเล่นเฉพาะเวลาว่าง เคยเล่นนานที่สุดครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เล่นบีบียังไม่มีผลเสียอะไร แต่เพื่อนบางคนเล่นบีบีหนักมาก ตลอด 24 ชั่วโมง เดินก็เล่น กินข้าวก็เล่นทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งชา บางคนเล่นติดต่อกันเป็นชั่วโมงจนเกิดอาการนิ้วโป้งล็อค ต้องหยุดเล่นและผ่อนคลายนิ้วจึงหาย

นายพิชญะ รัญเสวะ อายุ 15 ปี ชั้น ม.4 โรงเรียนนานาชาติบีพีเอส กล่าวว่า วัยรุ่นยุคนี้ต้องมีบีบี ถ้าไม่มีถือว่าเชย ส่วนตัวเพิ่งใช้ประมาณ 1 ปี คุยกับเพื่อนทุกวัน เพราะไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ เสียค่าบริการเดือนหนึ่ง 300 บาทแต่แช็ตได้ไม่จำกัด แต่เวลาเล่นนานๆ มีผลเสียต่อร่างกาย เคยเล่นนานที่สุดประมาณ 40 นาที จะรู้สึกตาพร่า เบลอๆ บางครั้งเล่นขณะอยู่บนรถจะรู้สึกเวียนหัวมาก ต้องเลิกเล่นทันทีอาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน